|
||
สิว
ในทางการแพทย์ สิวคือความผิดปกติของผิวหนังและเป็นโรคชนิดหนึ่ง สิวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของท่อไขมันเกิดอุดตันจากการที่ผิวหนังผลิตไขมันมากและมีการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย จนเกิดอักเสบบวมแดง(Inflammation)และอักเสบติดเชื้อ(Infection) หัวสิวมักมีหนองเกิดขึ้นเล็กน้อยจนถึงมากและเจ็บปวดรุนแรง สิวจึงเป็นความทรมานทั้งทางกายและจิตใจ โดยเฉพาะสิวที่มีอาการอักเสบ มีหนองหรือรุนแรงมากเช่นสิวหัวช้าง โดยทั่วไปวัยรุ่นกว่า 85% เคยประสบปัญหาเรื่องสิว ที่ใบหน้า คอ หลัง ไหล่และหน้าอก สิวมักเกิดขึ้นเป็นๆหายๆไปจนกระทั่งอายุเลย 30 ปีแล้วบางคนก็ยังมีสิวอยู่ ปกติเมื่ออายุมากขึ้นสิวจะค่อยๆเบาบางและหายไปได้เอง ส่วนสาเหตุอันแท้จริงของสิวยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่จากหลักฐานที่ทราบ สิวเกิดจากสาเหตุหลักสี่ประการคือ
นอกจากนี้อาจมีสาเหตุอื่นๆที่เป็นส่วนประกอบของการเกิดสิวอีกมากมายเช่น
กลยุทธ์การรักษาสิวแบบมาตรฐาน
retinoid gel ขนาด 15 g. ประมาณ 1,200 บาท clindamycin gel ขนาด 30 g. ประมาณ 900 บาท erythromycin gel ขนาด 30 g. ประมาณ 550 บาท azelaic acid ขนาด 30 g. ประมาณ 1,500 บาท benzoyl peroxide ขนาด 90 g. ประมาณ 1,000 บาท sulfacetamide ขนาด 118 ml. ประมาณ 3,100 บาท
Erythromycin 250 mg. จำนวน 30 เม็ด ราคาประมาณ 270 บาท Doxycyclin 50 mg. จำนวน 30 แคปซูล ราคาประมาณ 2,100 บาท Minocyclin 50 mg. จำนวน 30 แคปซูล ราคาประมาณ 2,100 บาท Tetracyclin 250 mg. จำนวน 30 แคปซูล ราคาประมาณ 240 บาท แม้ว่าวิธีการรักษาดังกล่าวจะได้ผลดี แต่ก็ต้องตระหนักว่าสิ่งสำคัญมากคือ ไม่มีวิธีใดรักษาต้นเหตุการเกิดสิวที่ชัดเจนได้เลย สิ่งที่เราต้องการทำคือการกำจัดแบคทีเรียต้นเหตุของสิวอักเสบ ซึ่งก็สามารถทำได้โดยกลยุทธง่ายๆเกี่ยวกับการกินอาหาร แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมักไม่คำนึงถึงหลักการที่เป็นจริงดังกล่าว ซึ่งเรื่องอาหารเป็นสิ่งที่ส่งผลสำหรับการรักษาสิวได้ชัดเจน หากคุณมีแนวโน้มว่าจะเกิดสิวอยู่แล้ว และกินอาหารที่ทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินสูงขึ้นหรือทำให้เกิดสารที่เป็นปัจจัยส่งให้อินซูลินสูงขึ้น คุณก็จะเป็นสิวแน่นอน ที่เป็นเช่นนี้เพราะอาหารแป้งขัดขาวหรือน้ำตาลจะไปทำให้ระดับอินซูลินสารคล้ายอินซูลิน หรือ insulin-like growth factor (IGF-1) ในร่างกายพุ่งสูงขึ้นทันที สารนี้ส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้นและทำให้มีการผลิตไขมันภายในท่อไขมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไขมันดังกล่าวเป็นตัวดึงดูดแบคทีเรียชนิดที่ส่งเสริมการเกิดสิว อีกประการหนึ่งสาร IGF-1 ทำให้ผิวหนังภายในท่อไขมันส่วนที่เรียกว่า keratinocytes แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น ท่อไขมันแคบลง ไขมันคั่งค้าง อันเป็นขบวนการส่งเสริมการเกิดสิวมากขึ้น ดังนั้นวิธีการแก้รากเหง้าของปัญหาของสิวก็คือ ลดการกินอาหารที่เป็นสาเหตุของการเพิ่มอินซูลิน อาหารตัวสร้างปัญหาดังกล่าวเช่น น้ำตาล แป้งจากเมล็ดพืชทุกชนิดที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลในร่างกายของเราได้ อาหารเหล่านี้เช่น ขนมปัง ธัญพืช พาสต้า ข้าว มันฝรั่ง ข้าวโพด ความสับสนในแนวคิดเรื่องนี้คือ ความคิดเรื่องเมล็ดพืชคืออาหารที่ส่งเสริมให้มีสุขภาพดี แต่ไม่ว่ามันจะมีคุณภาพสูงหรือธัญญพืชอินทรีย์เช่น ขนมปังโฮลวีท มันก็ยังสร้างปัญหาเกี่ยวกับสิวอยู่ดีเพราะยังคงเป็นแป้งอยู่นั่นเอง ความสับสนอีกเรื่องคือเรื่องที่เข้าใจว่าข้าวโพดเป็นอาหารประเภทผัก อันที่จริงข้าวโพดเป็นเมล็ดพืชแน่นอน ข้าวโพดมีคาร์โบไฮเดรทสูงมากและควรหลีกเลี่ยงไม่ควรกิน แม้แต่ผลไม้ก็ค่อนข้างจะเพิ่มอินซูลินในร่างกาย สุดท้ายหากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวอยู่แล้ว ผลไม้ก็ส่งเสริมให้เกิดสิวได้ คุณควรกินคาร์โบไฮเดรทจากผักแทนคาร์โบไฮเดรทจากเมล็ดธัญพืช เพราะว่าคาร์โบไฮเดรทจากพืชย่อยช้า ไม่ส่งผลให้ระดับอินซูลินพุ่งสูงเร็วนัก ปัจจัยอีกสองประการหนึ่งในการพิจารณาร่วมในขณะรักษาสิว โดยเฉพาะเมื่อใช้วิธีการรักษากระแสหลักคือ
หากไม่ใช้วิธีการตากแดดเพื่อสร้าง ไวตามิน ดี ดังกล่าวไว้แล้วข้างต้น ก็อาจใช้วิธีกินไวตามิน ดี วันละ 2-3,000 หรืออาจมากถึง 10,000 IU ได้ แต่เนื่องจาก ไวตามิน ดี เป็นไวตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน เมื่อกินเป็นเวลานานๆต่อเนื่องอาจเกิดการสะสมมากเกินระดับความปลอดภัยได้ จึงควรตรวจดูระดับไวตามิน ดี ที่ปลอดภัยในเลือดเป็นระยะด้วย •1. Acne vulgaris. See excerpt in < http://en.wikipedia.org/wiki/Acne_vulgaris> •2. Bread may be the Culprit Behind Acne. See excerpt in < http://articles.mercola.com/sites/articles/archive/2002/12/25/bread-acne.aspx > •3. STEVEN FELDMAN, M.D., PH.D. , Diagnosis and Treatment of Acne. http://www.aafp.org/afp/20040501/2123.html
วิธีการล้างหน้าที่ดี ฟอกสบู่ด้วยมือทั้งสองข้างจนเป็นฟองแล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบไล้เป็นรูปวงกลมเบาๆให้ทั่วใบหน้าอย่างน้อย 40-50 รอบ ล้างฟองสบู่ออกด้วยน้ำสะอาดจนหมด เช็ดน้ำออกจากบริเวณรอบดวงตาเท่าที่จำเป็นแล้วปล่อยให้แห้ง การล้างหน้าบ่อยๆแล้วเช็ดให้แห้งทุกครั้งอย่างที่เคยทำ อาจจะไม่เกิดผลดีต่อใบหน้าตามที่เข้าใจกันมานาน วิธีการล้างหน้าเพื่อให้ผิวสะอาดโดยมากก็อาจมีการฟอกด้วยสบู่ล้างหน้าและถูแรงๆเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกไป วิธีดังกล่าวจะทำให้ผิวหน้าที่อ่อนนุ่มเกิดอาการระคายเคืองมากยิ่งขึ้น การล้างหน้ายิ่งมากครั้งแล้วเช็ดให้แห้งทุกครั้งก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งและนำเอาปราการป้องกันผิวหนังตามธรรมชาติ(Natural Moisturizing Factor, NHF) ออกไปจากผิวหนังทุกครั้งเช่นกัน NMF คือปัจจัยที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวหนัง ประกอบด้วยเซลล์ของหนังกำพร้า เหงื่อ และไขมันที่ทำหน้าที่ร่วมกันในการป้องกันการระเหยของน้ำ ส่วนที่เป็นของเหลวของ NMF ราว 40% ประกอบด้วยกรดอมิโนหลายชนิดซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสารที่ให้ความชุ่มชื้นของผิวหนังและสารยูเรียที่ทำหน้าที่เป็นสารธรรมชาติที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระจากออกซิเจน กรดอมิโนและยูเรียที่เป็นส่วนประกอบของ NMF มีคุณสมบัติละลายในน้ำได้ดี ขณะที่ล้างหน้ากรดอมิโนและยูเรีย จึงละลายออกมาจากผิวและละลายเป็นส่วนผสมอยู่ในน้ำที่เคลือบบนใบหน้า การเช็ดหน้าให้แห้งหลังล้างหน้าจึงเท่ากับเป็นการนำเอากรดอมิโนและยูเรียออกไปจากผิวหนัง และติดอยู่บนผ้าเช็ดหน้าซึ่งเราสามารถสัมผัสกลิ่นได้แรงมากขึ้นเมื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซ้ำๆกันหลายครั้ง
|
|
Online: 1 | Visits: 30,631 | Today: 5 | PageView/Month: 44 |